วิธีบำรุงผิวพรรณด้วยสมุนไพรไทย ว่านชักมดลูก ทิพย์โอสถ นอกจากบำรุงผิวแล้ว ยังมีสรรพคุณอีกเพียบ....
ยกเครื่องเรื่องผู้หญิง ให้กระชับและเต่งตึงด้วย ว่านชักมดลูก มารู้จักว่านชักมดลูกกันเถอะ
ว่านชักมดลูก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Zanthorrhiza Roxb. เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ซึ่งเป็นพืชตระกูลขิง โดยมีชื่อพื้นเมือง ที่เราเรียกกันจนคุ้นเคยติดปากว่า ว่านทรหด สำหรับชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียกกันตามท้องที่ต่าง ๆ ได้แก่ ว่านพระยาหัวศึก ว่านการบูรเลือด
ว่านชักมดลูก เป็นไม้ล้มลุกจำพวกเหง้าใต้ดิน อยู่ในวงศ์ขิง ข่า สูงได้ถึง 2 เมตร ใบมีลักษณะเป็นพืช ใบเดี่ยวเหมือนขมิ้น แต่มีความใหญ่โตผิดกว่ากันหลายเท่าเรียงกันเป็นกระจุก อยู่ใกล้ราก รูปขอบใบขนานแกมวงรี กว้าง 15-21 เซนติเมตร ยาว 40-90 เซนติเมตร โดยร่องกลางใบมีลักษณะเป็นทาง สีดำแดง หรือสีน้ำตาลหม่นปนแดง กว้างได้ถึง 10 เซนติเมตร กาบใบยาวได้ถึง 75 เซนติเมตร เหง้าหรือหัว มีลักษณะกลมใหญ่และเกลี้ยงเหมือนดั่งหัวเผือกอาจยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร ผิวด้านนอกมีสีส้มอ่อน เนื้อในหัวมีสีขาวเหลือง, สีส้ม, หรือส้มแดง ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูก โดยหัวว่านชักมดลูกนั้นมีกลิ่นฉุนร้อน และรสต่างกันเป็น 5 รส ดอก มีลักษณะเป็นช่อเชิงลดรูปทรงกระบอก กว้าง 8-10 เซนติเมตร ยาว 16-20 เซนติเมตร ก้านดอกยาว15-20 เซนติเมตร ใบประดับที่ได้ได้รองรับดอกย่อยสีม่วง ยาวได้ถึง 9 เซนติเมตร ใบประดับที่รองรับดอกย่อยสีเขียวอ่อน ยาว 5-6 เซนติเมตร ใบประดับย่อยยาวได้ถึง 2.5 เซนติเมตร กลีบดอกสีชมพู เกสรตัวผู้ที่เป็นหมันสีขาว กลีบปาก สีเหลืองแถบกลางสีเหลืองเข้ม
นอกจากนี้แล้ว ว่านชักมดลูก ยังเป็นไม้ที่เจริญงอกงาม ได้ดีในฤดูฝน แต่เมื่อเข้าหน้าหนาวต้นจะโทรมและทิ้งใบเกลี้ยง เหลือแต่หัวที่ฝังอยู่ในดิน ซึ่งต้องรีบขุดมาใช้ มิฉะนั้นสรรพคุณ ทางยาจะเสื่อมคุณภาพลง
ว่านชักมดลูกมีกี่ประเภท?
ว่านชักมดลูกที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งอาจแบ่งได้ตามสายพันธุ์ ดังนี้ คือ
ว่านชักมดลูก (ตัวผู้) ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Zanthorrhiza Roxb. ว่านชักมดลูก (ตัวเมีย) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Comosa Roxb. ว่านชักมดลูกทั้ง 2 สายพันธุ์นี้จะมีลักษณะ ภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่ส่วนใหญ่มักนิยมว่านชักมดลูกตัวผู้มาเข้าในตำรับยามากกว่าตัวเมีย เพราะสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ซึ่งมีสรรพคุณในทางยามีมากกว่านั้นเอง
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
จากผลการวิจัยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางยาของว่านชักมดลูกจากสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องพบว่า ใน ว่านชักมดลูก มีสารออกฤทธิ์ที่สามารถลดการอักเสบ ยับยั้งเนื้องอก ยับยั้งการสังเคราะห์กรดไขมันลดปริมาณ ไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอลในเลือดที่มีปริมาณสูง ยับยั้งเบาหวานและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ลดการซึมผ่านของหลอดเลือด แก้ปวด รักษาแผล ปรับ อุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ลดพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ทดลอง เพิ่มฤทธิ์บาร์บิตูเรต ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์เป็นพิษต่อเซลล์ ยับยั้งการเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการผลิต น้ำดี ลดเวลาการหลับของบาร์บิตูเรต ยับยั้งเอนไซม์ GPT, GOT, alkaline phosphatase, adenine nucleotide translocass (HIV) ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านเชื้อรา กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์น้ำเหลือง เพิ่มน้ำหนักมดลูกและปริมาณไกลโคเจน มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนฆ่าแมลง และ ลดการสร้างเม็ดสีผิวได้ ซึ่งสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในทางยาที่มีอยู่ใน ว่านชักมดลูก จริง ๆ แล้วมีมากมายหลายกลุ่มหนึ่งในนั้นก็คือ เคอร์คิวมิน เป็นสารที่สกัดได้จากขมิ้น ซึ่งให้ประโยชน์หลายประการ แต่ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของกระเพาะอาหาร
ผลสรุปทางการวิจัย ยังพบอีกว่า ว่านชักมดลูก มีผลคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนที่มีในเพศหญิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวของว่านชักมดลูกเอง ไม่ใช่ฮอร์โมน แต่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์เพิ่มการขับน้ำดีและสามารถป้องกันมะเร็งในสัตว์ทดลองได้
สรรพคุณ ว่านชักมดลูก ของไทย ตามบันทึกในตำรับยาแผนโบราณได้กล่าวไว้ว่า ว่านชักมดลูก มีคุณประโยชน์และให้ความปลอดภัยในการใช้สำหรับผู้หญิงมากกว่ากวาวเครือ เพราะว่านชักมดลูกมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ เสริมหน้าอก ทำให้ผิวพรรณขาวนวล ลบรอยเหี่ยวย่นได้ แต่ ว่านชักมดลูก มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า กราวเครือ คือ ช่วยรักษามดลูกที่ทรุดตัว หรือเรียกว่ามดลูกต่ำให้เข้าที่ นอกจากนี้ยังช่วยกระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้องที่หย่อนยานอันเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องตึงเรียบเหมือนสาว ๆ และยังช่วยให้ผู้หญิงที่อารมณ์ทางเพศหายไป กลับมามีเหมือนเดิม ว่านชักมดลูก ยังช่วยให้ผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว จิตใจห่อเหี่ยว อ่อนไหวง่าย โกรธง่ายหายไป ทำให้คึกคักเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด หรือภายในมดลูก ช่วยรักษาซีสต์ และเนื้องอกภายในช่องคลอดให้ฝ่อตัว หรือเล็กลงด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนอย่างได้ผลชะงัก เพราะฉะนั้นหากจะเทียบกันแล้ว ว่านชักมดลูก จึงมีประโยชน์เหนือกว่ากราวเครือมาก
แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้ว่านชักมดลูกเพียงอย่างเดียวจะให้สรรพคุณได้ไม่มากเท่าที่ควร ตามตำรายาโบราณได้ระบุถึงการนำสมุนไพรมาใช้งานว่า ต้องปรุงขึ้นตามสูตรยานั้น ๆ และจำเป็นต้องอาศัยสมุนไพรอีกหลายชนิดผสมเข้าไป จึงจะช่วยให้ออกฤทธิ์และได้ผลสูงสุด ซึ่งสรรพคุณของว่านชักมดลูกที่มีบันทึกตามตำรับยาแผนโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้ระบุถึงผลการนำมาบำบัดอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายไว้ว่า
- ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี
- ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์
- ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอดให้ลดลงหรือหายไป
- ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด
- ทำให้มดลูกต่ำและ อาการตกขาวดีขึ้น
- ช่วยรักษาอาการหน่วงเสียวมดลูก หรือเจ็บท้องน้อยเป็นประจำได้ดี
- ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง
- มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน ซึ่งเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องหดตัว และเล็กลง
- เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน |